ค่ายฝึกบนเทือกเขา มรดกฝึกปรีซีซั่นสไตล์อิตาเลียน

โจช์ ดอยก์ แบ็กซ้ายชาวสก็อต เล่าย้อนถึงวันที่เขาเซ็นสัญญากับเวโรน่าในปี 2022 ว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเครื่องบินแตะพื้นอิตาลี เขาก็ถูกพาตรงขึ้นเขาไปเข้าค่ายฝึกปรีซีซั่นแบบ “ริทิโร่” (ritiro) ทันที
แม้จะยังพูดภาษาอิตาเลียนไม่ได้ก็ตาม “ผมคิดว่าจะได้ค่อย ๆ ปรับตัว แต่นี่เซ็นเสร็จปุ๊บก็ขับขึ้นเขาเลย มันน่ากลัวมาก แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผมก็เริ่มรักมัน” ดอยก์กล่าว
“ริทิโร่” หรือการเก็บตัวฝึกซ้อมบนภูเขา เป็นธรรมเนียมเก่าแก่ของวงการฟุตบอลอิตาลี สโมสรต่าง ๆ มักเลือกพานักเตะหนีอากาศร้อนในเมืองไปซ้อมในอากาศเย็นสบายและอ็อกซิเจนบริสุทธิ์บนเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่
ในขณะที่สโมสรในพรีเมียร์ลีกนิยมทัวร์ต่างประเทศเพื่อประโยชน์ทางการตลาด สโมสรในเซเรีย อายังคงรักษาประเพณีนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยฤดูกาลนี้มีถึง 12 ทีมที่ยังเลือกเก็บตัวบนเขา แม้บางทีมจะมีศูนย์ฝึกทันสมัยในเมืองแล้วก็ตาม
“นักเตะอิตาเลียนทุกคนเติบโตมากับประเพณีนี้” มาร์โก อ็อตโตลินี่ ผู้อำนวยการกีฬาของเจนัวกล่าว “บางทีเราอาจมีภูเขามากกว่าประเทศอื่นด้วยซ้ำ”
การฝึกซ้อมบนภูเขาไม่ใช่แค่เรื่องของสภาพร่างกาย แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีภายในทีม เพราะนักเตะจะต้องอยู่ร่วมกันตลอดทั้งวัน โดยทุกวันนี้ค่ายฝึกได้ปรับให้สั้นลงและเพิ่มกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การล่องแก่ง หรือเดินเขา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของนักเตะมากเกินไป
โกคาน อินเลอร์ อดีตกองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของอูดิเนเซ่ กล่าวว่า “ตอนผมยังเล่นอยู่ มันจะวิ่งขึ้นลงเขาเยอะมาก วิ่งไปกลับระยะทาง 1,000 เมตรตลอดเวลา แต่เดี๋ยวนี้การฝึกปรับเปลี่ยนไปเยอะ ทุกอย่างอยู่บนสนามซ้อม ใช้ลูกบอลและเครื่องมือวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยวัดค่าต่าง ๆ แบบละเอียด”
ขณะที่ พาทริค วิเอร่า กุนซือเจนัว จะเน้นการฝึกที่สมดุลระหว่างการใช้งานร่างกายกับการพักฟื้น โดยให้นักเตะใช้บริการสปาและสระว่ายน้ำควบคู่กับการฝึกเช้า-บ่าย เพื่อให้ร่างกายได้พักอย่างเหมาะสม
ส่วนฟาบิโอ กรอสโซ่ อดีตแชมป์โลก 2006 ที่ปัจจุบันคุมทีมซาสซูโอโล่ จะเน้นการวิ่งและเข้ายิมตอนเช้า แล้วไปทำงานกับบอลในช่วงบ่าย ดอยก์กล่าวว่า “ตอนนี้เริ่มเน้นแท็คติกมากขึ้น ทำให้ช่วงบ่ายที่ได้เล่นกับบอลเป็นเหมือนรางวัลหลังจากเช้าที่หนักหน่วง”
นอกจากการฝึกแล้ว ค่ายฝึกยังเป็นกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่สำคัญ สโมสรจะจัดกิจกรรมให้แฟนบอลเข้าชมการฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด จัดอีเวนต์พิเศษ และเปิดโอกาสให้ครอบครัวนักเตะมาเยี่ยมเยือนได้ ซึ่งในกรณีของนาโปลี ความนิยมสูงจนต้องจัดค่ายถึง 2 แห่งในซัมเมอร์นี้ พร้อมอีเวนต์ในตอนกลางคืน ตั้งแต่ดูหนัง การแนะนำทีม ไปจนถึงดิสโก้ไนท์ สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นอย่างมหาศาล
ถึงแม้การทัวร์ต่างประเทศจะทำกำไรได้มากกว่า แต่วงการฟุตบอลอิตาลียังคงยึดมั่นในเสน่ห์ของ “ริทิโร่” ที่ไม่เพียงฟื้นฟูสภาพร่างกาย แต่ยังเชื่อมโยงหัวใจของทีมกับแฟนบอลได้อย่างแนบแน่น

